อาการปวดหัวเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ของเราทุกคน
คนบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะได้ง่ายและมากกว่าคนบางคน อาการปวดศีรษะอาจ
มีอาการตั้งแต่ปวดเล็กน้อยจนถึงปวดมากๆ เช่น ปวดไมเกรน
ที่มักจะมีอาการปวดมากและมักจะเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่ง
สำหรับคนที่ปวดศีรษะมากอาจมีอาการถึงขั้นทำงานไม่ได้ต้องลาหยุดงานไปเลย
โดยปกติการรักษาอาการปวดศีรษะในปัจจุบันมักจะใช้วิธีทานยาแก้ปวด
ซึ่งยาที่ทานก็มีตั้งแต่ ยาแก้ปวดทั่วไปจนถึงยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์แก้ปวดมาก
ซึ่งถ้าหากเป็นการทานยาอย่างต่อเนื่อง
อาจมีผลข้างเคียงของการใช้ยาที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้
ในทางตรงกันข้ามหากการรักษา อาการปวดศีรษะไม่ต้องใช้วิธีทานยา
แต่หันมาใช้วิธีการแพทย์จีนเช่นการฝังเข็ม
หรือการกดจุดมาใช้แทนก็จะสามารถช่วยระงับอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ปวดศีรษะแบบเรื้อรัง
หรือในผู้ที่พึ่งปวดศีรษะมาได้ไม่นาน การรักษาด้วยการกดจุด
จะให้ผลดีในการรักษาอย่างมาก
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดแบบเรื้อรังหรือปวดแบบไมเกรนหรือ
ปวดแบบไตรเจมินอล (Trigeminal neuralgia)
หรือปวดที่หน้าบริเวณข้อต่อกระดูกขากรรไกร (Temporomandibular pain)
การกดจุดแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถช่วยให้ดีขึ้นได้มากนัก
มีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจ วินิจฉัยและรักษาจากแพทย์
ด้วยวิธีการฝังเข็มร่วมกับการทานยาสมุนไพรด้วย
จุดกดสำคัญที่ใช้รักษาอาการปวดหัว ได้แก่จุดเหอกู่
(Hegu/LI4) จุดเฟิงฉือ (Fengchi/GB20) จุดกดเจ็บ (จุดอาซื่อ/Ahshi)
จุดซ่านจู้ (Zanzhu/BL2) จุดซ่างซิง (Shangxing/DU23) จุดไป๋หุ้ย
(Baihui/DU20) จุดจู๋ซานหลี่ (Suzanli/ST36)
จุดเหอกู่ (Hegu/LI4) เป็น
จุดที่มีความสำคัญและใช้กันมากจุดหนึ่ง
เป็นจุดที่อยู่ในเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่
มีการใช้จุดนี้เพื่อขับเคลื่อนการไหลเวียนของพลังชี่ (Qi)
ใช้ในการระงับอาการปวด ใช้สร้างภูมิคุ้มกันโรคและใช้ในการกระตุ้นการคลอด
จุดนี้ถูกใช้ในการขับเคลื่อนการไหลเวียนของพลังชี่ (Qi)
ไม่ให้เกิดการอุดตัน โดยเฉพาะในบริเวณศีรษะ
แต่ก็สามารถจะใช้จุดนี้กับส่วนอื่นๆของร่างกายได้อีกด้วย
เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการรักษาอาการปวด โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะ ปวดฟัน ปวดตา
ตาอักเสบ ปวดไซนัส (ทิศทางเดินของเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่
เดินจากปลายนิ้วชี้ผ่านแขนด้านนอก ข้ามมาที่บริเวณหัวไหล่
จึงทำให้มีคุณสมบัติช่วยรักษาอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับแขน
มือและไหล่ได้ดี
และจุดเหอกู่เป็นจุดที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการรักษาอาการผิดปกติ
ในบริเวณดังกล่าวนี้)
จุดเหอกู่ยังมีความเชื่อมโยงกับระบบทางเดินอาหาร จึงทำให้มีการนำ
เอาจุดนี้ไปใช้รักษาอาการปวดท้อง และอาการท้องผูก ร่วมกับอาการ
ลำไส้ใหญ่อักเสบอื่นๆได้อีกด้วย
ตำแหน่งของจุดนี้อยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อระหว่างนิ้วชี้และหัวนิ้วมือ เป็นจุดที่อยู่สูงสุดเมื่อเลื่อนนิ้วทั้งสองเข้าหากัน
การกดจุดนี้ทำได้ด้วยการใช้หัวนิ้วมือของมือข้างหนึ่งกดคลึงที่บริเวณ
จุดดังกล่าวของมืออีกข้างหนึ่ง
อาจจะใช้ดินสอปลายยางลบกดและคลึงที่จุดดังกล่าวนาน 2-3 นาทีได้เช่นกัน
หรือจนกว่าจะรู้สึกหนักๆชาๆบริเวณที่กดหรือบริเวณผ่ามือนั้น
ในบางคนที่มีความรู้สึกไวๆอาจจะมี ความรู้สึกไปตลอดแนวเส้นลมปราณ
วิ่งไปตามแขนถึงไหล่ถึงศีรษะได้ (ห้ามกดจุดนี้ในคนท้องเพราะจะไปกระตุ้นให้
มีการบีบตัวของมดลูก ทำให้เกิดปัญหาตามมาได้)
จุดเฟิงฉือ (Fengchi/GB20)
เป็นจุดที่อยู่ในเส้นลมปราณถุงน้ำดี เป็นจุดที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง
ที่ใช้ในการปรับสมดุล ของร่างกายในส่วนของศีรษะและอวัยวะสัมผัสต่างๆ
เป็นจุดที่มีความสำคัญใช้ ในการรักษาอาการปวดศีรษะจากหลายๆสาเหตุ
โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะ ตาแดง น้ำตาไหล
ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
หรือเมื่อร่างกายถูกกระทำจากการเปลี่ยนแปลงของลมและอากาศเย็น
นอกจากใช้รักษาอาการปวดศีรษะที่เกิดจากการกระทำของลม
หรือจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศภายนอกแล้ว
จุดนี้ยังถูกนำมาใช้รักษาอาการที่เกิดจากลมที่เกิดภายในร่างกายซึ่งเป็นลม
ที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของตับ เช่นมีอาการปวดศีรษะ อาการสั่น ความดันสูง
หรือที่รุนแรงถึงขั้นเป็นอัมพาต
ตำแหน่งของจุดเฟิงฉืออยู่บริเวณด้านหลังของคอ
บริเวณท้ายทอยอยู่ใต้กระดูกทัดดอกไม้
ด้านในเวลาคลำที่บริเวณทัดดอกไม้ให้คลำจากยอดทัดดอกไม้ทแยงลงมาด้านใน
ของหลังคอจะคลำรู้สึกได้เป็นรอยบุ๋มลงไปเล็กน้อย
และเมื่อกดลงไปที่รอยบุ๋มนี้จะรู้สึก หนักๆชาๆที่บริเวณท้ายทอย
การกดจุดให้ใช้ปลายนิ้วมือทั้ง4นิ้ว (นิ้วชี้ กลาง นาง ก้อย)
คลำบริเวณด้านหลังคอบริเวณ ทัดดอกไม้ลงมา เมื่อคลำพบรอยบุ๋มดังกล่าวแล้วจึง
ใช้ปลายนิ้วชี้หรือนิ้วกลางกดลงไป
การกดอาจจะใช้ปลายดินสอยางลบกดแทนปลายนิ้วมือได้ การกดจุดให้ใช้วิธีการ
กดร่วมกับการปล่อยนาน 2- 3 นาทีหรือจนกว่าจะรู้สึกอาการปวดดีขึ้น
การกดจุดนี้มักจะกดจุดทั้ง 2 ข้างของศีรษะ
หรือนอกจากจะมั่นใจว่าอาการปวดเป็นเพียงข้างเดียวแน่ๆ
ก็สามารถกดเพียงข้างเดียวได้(จุดเฟิงฉือ
เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถใช้ร่วมกับจุดอื่นๆ
ใช้ในการรักษาอาการป่วยที่เป็นผลจากการอุดตันหรือการที่เลือดหมุนเวียนติด
ขัดเช่น อาการเวียนศีรษะ ความคิดเหม่อลอย ตาลาย เสียงดังในหู หูหนวก
ความผิดปกติของการได้กลิ่น ความผิดปกติของการรับรส ได้เป็นอย่างดี)
จุดกดเจ็บ (จุดอาซื่อ/Ahshi) เป็น
จุดที่อยู่ในบริเวณที่ปวดหรือใกล้ๆกับบริเวณที่ปวดเช่น
บริเวณคอหรือศีรษะเป็นจุดที่มักจะเกิดขึ้นได้เอง
ผู้ป่วยมักจะบอกได้ว่าตนเองมีจุดกดเจ็บ อยู่ที่ไหน
ซึ่งจะช่วยให้แพทย์รักษาได้ง่ายขึ้นหรือในบางครั้งแพทย์สามารถ
ตรวจพบจุดกดเจ็บได้อย่างง่ายๆจากการตรวจร่างกายที่บริเวณนั้นๆ
จุดกดเจ็บที่ มักตรวจพบได้บ่อยๆได้แก่บริเวณต้นคอและที่ศีรษะ
ซึ่งจะพบได้บ่อยครั้งที่จุดกดเจ็บจะ เกิดขึ้นใกล้ๆกับบริเวณจุดที่เกิดโรค
การกดจุดนี้อาจจะใช้ปลายนิ้วมือใดนิ้วมือหนึ่ง
ที่ผู้กดถนัดกดลงไปที่จุดๆนั้น หรืออาจจะใช้ดินสอด้านปลายยางลบ
กดลงไปจนรู้สึกมีอาการเจ็บ หนักๆ หรือชาๆ โดยปกติการกดจุดที่จุดนี้จะ
ค่อนข้างเจ็บเพราะที่บริเวณจุดกดเจ็บนี้ถึงแม้จะไม่กด
ผู้ป่วยก็มักจะรู้สึกเจ็บมากอยู่แล้ว
จุดซ่านจู้ (Zanzhu/BL2) เป็น
จุดในเส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะ เป็นจุดที่ใช้ในการควบคุม พลังชี่ (Qi)
ที่บริเวณลูกนัยน์ตาและที่บริเวณศีรษะ ช่วยระงับอาการปวดได้ด้วย
เป็นจุดที่ใช้ในการ รักษาอาการปวดศีรษะด้านหน้า
ใช้ในการรักษาอาการปวดจากไซนัส หรืออาการปวดศีรษะจาก อาการหวัด
หรือใช้ในการรักษาอาการปวดศีรษะจากสาเหตุของสายตา ตาอักเสบ ตาแดงหรือปวดตา
เนื่องจากจุดนี้อยู่ในเส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะซึ่งวิ่งผ่านแนวหลังขนานกับ
กระดูกสันหลัง จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการปวดหลัง
หรือปวดคอได้ด้วยในบางครั้ง
ตำแหน่งของจุดนี้อยู่บริเวณเหนือหัวคิ้วด้านในทั้งสองข้างเล็กน้อย
การกดจุดสามารถใช้นิ้วกดหรือใช้ปลายดินสอยางลบก็ได้
การใช้นิ้วกดให้ใช้อุ้งนิ้วหัวแม่มือ กดที่บริเวณดังกล่าวทีละข้าง
การใช้ปลายแท่งดินสอกดให้ระวังไม่ให้พลาดมาถูกลูกนัยน์ตา
จุดซ่างซิง (Shangxing/DU23) เป็น
จุดในเส้นลมปราณตู เป็นจุดที่ใช้ในการปรับสมดุล ของจมูกและนัยน์ตา
ช่วยลดอาการปวดและช่วยสงบจิตได้ เป็นจุดที่ใช้ในการรักษาอาการปวด
หัวบริเวณหน้าผากได้ดี เหตุผลก็เช่นเดียวกับจุดจุดซ่านจู้
(Zanzhu/BL2) นอกจากนี้จุดนี้ยังใช้รักษา อาการอื่นๆได้อีกเช่น
อาการกระสับกระส่าย อาการสับสนจากความเครียด ใช้จุดนี้บ่อยในการรักษา
อาการปวดหัวจากโรคไซนัสอักเสบ หรือใช้จุดนี้รักษาอาการจมูกดมไม่ได้กลิ่น
หรือปัญหาสายตาสั้น โดยเฉพาะในเด็ก
ตำแหน่งของจุดนี้อยู่ที่บริเวณกลางศีรษะอยู่เหนือรอยเส้นผมด้านหน้ากลาง ศีรษะสูงขึ้นไปประมาณครึ่งนิ้ว
การกดจุดสามารถใช้อุ้งมือนิ้วชี้หรือนิ้วกลางกดจุดกลางศีรษะ หรือจะใช้แท่งดินสอปลาย ยางลบกดก็ได้เช่นกัน
จุดไป๋หุ้ย (Baihui/DU20) เป็น
จุดที่อยู่ในเส้นตู มีหน้าที่ช่วยสงบจิต ช่วยฟื้นคืนสติผู้หมดสติ
ช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง
ช่วยไปปรับโดยการเพิ่มหรือลดระดับหยางให้อยู่ในระดับพอดี
จุดนี้เป็นจุดหลักในการ รักษาอาการปวดหัวแบบทั่วไปและแบบกลางศีรษะ
ช่วยรักษาอาการหนักๆ และอาการเกร็งของคอ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะจากความความดันโลหิตสูงหรือต่ำ
และยังใช้จุดนี้รักษาอาการแขนขาสั่น อาการหมดสติ
อาการอัมพาตด้านใดด้านหนึ่ง อาการชัก ความจำเสื่อม อาการเวียนศีรษะ
อาการสับสน นอกจากนี้ยังมีการนำเอาจุดนี้ไปช่วยรักษาอาการ มดลูกหย่อน
ริดสีดวงทวาร และอาการเลือดออกไม่หยุด
ตำแหน่งของจุดนี้อยู่ที่กลางศีรษะอยู่ระหว่างยอดหูทั้งสองข้าง
การกดจุดสามารถใช้อุ้งมือนิ้วชี้หรือนิ้วกลางกดจุดกลางศีรษะ หรือจะใช้แท่งดินสอปลาย ยางลบกดก็ได้เช่นกัน
จุดจู๋ซานหลี่ (Suzanli/ST36) เป็น
จุดที่อยู่ในเส้นลมปราณกระเพาะอาหาร มีหน้าที่ช่วยเสริม พลังชี่ (Qi)
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
ช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ช่วยระงับอาการปวด
ช่วยให้จิตใจสงบ ช่วยเรียกฟื้นคืนสติ เป็นจุดที่ถูกนำมาใช้รักษามากที่สุด
เป็นจุดที่มีพลังในเส้นลมปราณกระเพาะอาหารมากที่สุดและเป็นจุดที่ถูกนำมาใช้
เป็นประจำในการ รักษาอาการผิดปกติของระบบย่อยอาหาร
รวมถึงอาการปวดศีรษะบริเวณด้านหน้าที่เกิดจากความผิดปกติของกระเพาะอาหาร
จุดนี้เป็นจุดหลักที่ใช้ในการบำรุงร่างกายใช้รักษา
อาการอ่อนเพลียที่เกิดมาจากสาเหตุทั้งจากกายและใจ
ดังนั้นถ้าเป็นอาการปวดหัวจากความอ่อนเพลีย
หรือจากการรบกวนของกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ
(ซึ่งมักจะเป็นอาการปวดหัวด้านหน้า) สามารถรักษาโดยใช้จุดนี้ได้
นอกจากนี้แล้วยังสามารถใช้จุดนี้ในการรักษาความผิดปกติอื่นๆ ได้อีกเช่น
อาการเบื่ออาหาร โรคกระเพาะอาหาร ถ่ายเหลวปนเลือดแบบโรคบิด
อาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องผูกและถ่ายเหลว อาการทางด้านผิวหนังเช่น
เป็นผื่นแดง เป็นลมพิษ เป็นต้น
ตำแหน่งของจุดนี้อยู่ที่บริเวณหน้าแข้งทั้งสองข้าง
อยู่ใต้กระดูกสะบ้าที่หัวเข่าลงมาประมาณ 3 นิ้ว (ประมาณ 1 ผ่ามือ)
และอยู่ห่างจากขอบกระดูกหน้าแข้งออกมาด้านข้างประมาณ 1 นิ้ว
การกดจุดสามารถใช้นิ้วมือกดหรือใช้ปลายดินสอยางลบมากด
โดยให้คลำหาจุดที่จะกดก่อน
โดยใช้ผ่ามือมาวัดระยะทางจากใต้กระดูกสะบักที่หัวเข่าต่ำลงมา 1 ผ่ามือ
(ประมาณ 3 นิ้ว) แล้วจึงคลำหาขอบกระดูกหน้าแข้ง (กระดูกทิเบีย/Tibia)
ให้ห่างออกมา 1 นิ้ว จุดนี้คือจุดจู๋ซานหลี่
เมื่อคลำได้จุดแล้วจึงให้กดโดยใช้อุ้งมือหัวนิ้วแม่มือกดคลึงลงไปที่บริเวณ
ดังกล่าวจะรู้สึกได้ถึง ความรู้สึกหนักๆตื้อๆที่บริเวณนี้
ถ้าต้องการใช้ปลายดินสอยางลบกดให้เปลี่ยนมาใช้มือ
แท่งดินสอแล้วกดลงที่จุดดังกล่าวให้แท่งดินสอตั้งฉากกับขา
กดในแบบกดแล้วปล่อย ร่วมกับกดในแบบกดแล้วบิดแท่งดินสอ
No comments:
Post a Comment